ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีการ ดอกบัวอบแห้ง เก็บดอกไม้ไว้ในสารดูดความชื้น  (อ่าน 74 ครั้ง)

siritidaphon

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 97
    • ดูรายละเอียด
วิธีการ ดอกบัวอบแห้ง เก็บดอกไม้ไว้ในสารดูดความชื้น

1. เลือกดอกไม้. วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับการทำดอกไม้ขนาดใหญ่ และมีความละเอียดอ่อนให้แห้ง เช่น ดอกลิลลี่ ตราบใดที่กลีบดอกไม้พวกนั้นไม่ร่วงง่ายเกินไป ถ้าให้ดีควรเลือกดอกไม้ที่กำลังบานเพียงครึ่งเดียวและนำมาทำดอกไม้แห้งทันที

2. เลือกสารดูดความชื้นที่จะใช้. สารดูดความชื้นเป็นวัสดุพิเศษที่สามารถดูดซึมน้ำออกจากดอกไม้ของคุณได้อย่างช้าๆ ไม่ว่าจะเลือกสารดูดความชื้นแบบไหนมา มันก็ต้องแห้งสนิท ถึงจะให้ผลได้อย่างดี และนี่เป็นตัวเลือกที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้:

– ซิลิกาเจล: ตัวเลือกที่เร็วที่สุดที่มีอยู่ในร้านทำสวนทั่วไป แม้ว่าจะมีราคาแพงแต่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายรอบด้วยกัน (ดูเคล็ดลับด้านล่าง)
– บอแร็กซ์และเกล็ดข้าวโพดสีขาว: เป็นตัวเลือกที่ราคาถูกและมีน้ำหนักเบา ผสมในปริมาณเท่ากันหรือผสมบอแร็กซ์ 1 ส่วนต่อเกล็ดข้าวโพด 6 ส่วน มันให้ผลไม่ต่างกันมากหรอก
– ทรายละเอียด: ใส่เพียงเพื่อรองรับรูปทรงของดอกไม้ มันจะช่วยให้ระบายอากาศให้เข้ามาทำให้ดอกไม้แห้งได้ ถึงจะเป็นตัวเลือกที่ช้าที่สุด แต่บางทีก็เป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุดเช่นกัน

3. เพิ่มเกลือที่ไม่มีไอโอดีน (ไม่จำเป็น). บางคนแนะนำว่าเกลือจะช่วยคงสีกลีบของดอกไม้ไว้ได้ แม้ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยก็เถอะ ลองใส่เกลือ 3 ช้อนโต๊ะต่อวัสดุที่ใช้ (15 มิลลิลิตรต่อลิตร)

4. เลือกภาชนะ. หากคุณมีวัสดุดูดความชื้นจำนวนมาก ให้เลือกใช้ภาชนะที่สามารถใส่ต้นที่ตั้งตรงของมันได้ทั้งหมด คนส่วนใหญ่จะเก็บวัสดุดูดความชื้นและตัดก้านดอกที่เกินจากภาชนะที่ใส่ออก วัสดุที่แตกต่างกันจะมีการจัดการที่ต่างกันเล็กน้อย ดังนี้:

– สำหรับซิลิกาเจล ให้ใช้ภาชนะสุญญากาศ กระป๋องกาแฟเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทำดอกไม้แห้งดอกเดียว
– สำหรับสารบอแร็กซ์หรือทราย ควรใช้ภาชนะเปิด กล่องกระดาษแข็งที่แข็งแรงก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ต้องตรวจสอบฐานกล่องก่อนนะ

5. ฝังดอกไม้ในสารดูดความชื้น. เทวัสดุของคุณลงในภาชนะที่ระดับความลึก 2.5- ซม. วางดอกไม้ลักษณะที่ตั้งขึ้นในวัสดุดูดความชื้น ให้แน่ใจว่าพวกมันไม่เอนไปด้านใดด้านหนึ่ง โปรยหรือค่อยๆ เทสารดูดความชื้นลงด้านบนจนกว่าพวกมันจะถูกฝังกลบ
– ถ้าใช้ทราย คุณไม่จำเป็นต้องฝังดอกไม้จนมิด โดยส่วนใหญ่ทรายจะช่วยดูดความชื้นอยู่แล้ว และการอากาศที่ไหลเวียนเข้ามาก็สามารถช่วยให้กลีบแห้งได้
– ดอกไม้จากตระกูลเดซี่จะแห้งได้ดีที่สุดเมื่อคว่ำดอกลง ดอกไม้บางชนิด อย่างเช่น ดอกลิ้นมังกรและเดลฟินเนียม จะแห้งได้ดีที่สุดเมื่อวางในแนวนอน
– ถ้าก้านดอกยังคงติดแนบอยู่ ให้เติมลงในภาชนะให้ลึกที่สุดเท่าที่จำเป็นเพื่อคงมันเอาไว้

6. รอจนแห้ง. เก็บภาชนะในที่อุ่นและแห้ง หากใช้ภาชนะเปิด ให้เก็บไว้ในห้องที่ถ่ายเทอากาศได้ดี ตรวจสอบหลังจากนั้นไม่กี่วัน โดยใช้ไม้จิ้มฟันในการตรวจดูกลีบและทดสอบความแห้ง
– ซิลิกาเจลเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการอบแห้งดอกไม้ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเพียง 2-4 วันในการแห้งสนิท ขณะที่ดอกที่มีความหนาอาจใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ เมื่อซิลิกาเจลสีเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู แปลว่ามันดูดซึมความชื้นได้มากสุดเต็มความสามารถแล้วนั่นเอง
– บอแร็กซ์ผสมจะใช้เวลา 5-14 วันในการทำให้ดอกไม้แห้ง
– ทรายจะใช้เวลานานที่สุดของวิธีการทั้งหมด โดยมักจะใช้เวลาประมาณ 14-21 วัน

7. นำออกอย่างระมัดระวัง. เคาะภาชนะด้านข้างและตบๆ ด้านข้างจนดอกไม้เผยออกมา ค่อยๆ นำดอกไม้แห้งออกมาจากใต้สารดูดความชื้นที่ใช้ ปัดสารพวกนั้นออกด้วยแปรงขนาดเล็ก
– ถ้าวัสดุติดกับดอกไม้ เททรายเหนือส่วนดอกประมาณ 30 ซม วิธีนี้จะทำให้มันหลุดออกจากกัน
– การนำดอกไม้ออกมาเร็วเกินไป จะทำให้ดอกไม้เฉาได้ ให้ทดสอบก่อนเพื่อความแน่ใจว่ามันแห้งกรอบจนให้ความรู้สึกเหมือนกระดาษก่อนที่คุณจะหยิบมันขึ้นมา
– น้ำยาคงสภาพดอกไม้หรือสเปรย์ฉีดผมจะช่วยป้องกันไม่ให้ดอกไม้แตกสลาย

เคล็ดลับ

– คุณสามารถอบแห้งดอกสำหรับตกแต่งที่มีเกสรใหญ่ได้เช่นกัน เช่นดอกป๊อปปี้หรือดอกรักในสายหมอก กะขนาดลวดเล้าไก่หรือตาข่ายตอกยึดกับผิวของไม้กระดานสองแผ่นตามแนวนอน แล้วหย่อนเกสรลงในหลุมให้ก้านดอกชี้ขึ้นบนอากาศ
– ดอกไม้แห้งของคุณจะออกมามีเฉดสีที่เข้มขึ้น ดอกสีขาวอาจจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มในขณะที่ดอกไม้สีแดงหรือสีม่วงจะเป็นสีดำ ดอกไม้สีเหลืองก็มักจะเป็นเหมือนกัน
– ซิลิกาเจลจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อมีการดูดความชื้น การทำให้เจลแห้งและนำกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ให้กระจายเม็ดเจลบนถาดอบและนำเข้าในเตาอบที่อุณหภูมิ 121ºC ประมาณ 2-3 ชั่วโมง